เลือกสแตนเลสอย่างไรให้เหมาะกับโรงงานอาหาร: คู่มือสำหรับผู้ประกอบการ

การเลือกวัสดุที่ถูกต้องสำหรับอุปกรณ์และเครื่องจักรในโรงงานอาหาร คือการลงทุนเพื่อความปลอดภัย, ประสิทธิภาพ, และชื่อเสียงของแบรนด์ สแตนเลสคือตัวเลือกอันดับหนึ่งด้วยคุณสมบัติด้านความสะอาดและความทนทาน แต่สแตนเลสก็มีหลายเกรด แล้วจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด? บทความนี้มีคำตอบ

หัวใจสำคัญ: ทำไมต้องเป็นสแตนเลส Food Grade?

สแตนเลสเกรดอาหาร (Food Grade) คือวัสดุที่ถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยเมื่อสัมผัสกับอาหารโดยตรง มีคุณสมบัติสำคัญคือ:

• ไม่เกิดปฏิกิริยาเคมี: ไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติ, สี, หรือกลิ่น และไม่มีสารโลหะหนักปนเปื้อน
• ทนทานการกัดกร่อน: ทนต่อความเป็นกรด-ด่างจากวัตถุดิบและน้ำยาทำความสะอาด
• ทำความสะอาดง่าย: พื้นผิวเรียบ ไร้รูพรุน ลดการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งจำเป็นต่อมาตรฐาน HACCP

ปัจจัยในการเลือกเกรดสแตนเลสสำหรับโรงงานของคุณ

ก่อนจะตัดสินใจ ควรพิจารณา 3 ปัจจัยหลักในสายการผลิตของคุณ:

1. ประเภทของผลิตภัณฑ์อาหาร: อาหารของคุณมีส่วนผสมของเกลือ (คลอไรด์) หรือมีความเป็นกรดสูงหรือไม่? เช่น ซอสปรุงรส, ของดอง, หรือผลไม้รสเปรี้ยว
2. กระบวนการทำความสะอาด: ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีนหรือสารเคมีที่รุนแรงบ่อยแค่ไหน?
3. สภาพแวดล้อมในการทำงาน: โรงงานมีความชื้นสูง หรือตั้งอยู่ใกล้ทะเลหรือไม่?

เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด: SS304 vs SS316

• สแตนเลสเกรด 304 (SS304):
  • เหมาะสำหรับ: การใช้งานทั่วไปในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น โต๊ะเตรียมวัตถุดิบ, ถังเก็บนม, อุปกรณ์แปรรูปอาหารแห้ง, หรือไลน์ผลิตที่ไม่ได้สัมผัสกับเกลือและกรดเข้มข้นโดยตรง
  • จุดเด่น: ราคาเข้าถึงง่าย เป็นที่นิยมและใช้งานแพร่หลายที่สุด
• สแตนเลสเกรด 316 (SS316):
  • เหมาะสำหรับ: การใช้งานในสภาวะที่ท้าทายกว่า เช่น โรงงานผลิตซอส, แปรรูปอาหารทะเล, อุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสเกลือ, หรือไลน์ผลิตที่ต้องล้างด้วยสารเคมีรุนแรงเป็นประจำ
  • จุดเด่น: มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนจากเกลือ (คลอไรด์) และกรดได้ดีเยี่ยม